กฎหมาย
ความหมายและความสำคัญของกฎหมาย คือ ข้อบังคับของรัฐซึ่งกำหนดความประพฤติของประชาชน
เจตนารมณ์สำคัญของระบอบประชาธิปไตย คือ
– ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ
– มีหน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อส่วนรวม
ประเภทของกฎหมาย แบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่แบ่งตามลักษณะการใช้กฎหมายหรือเเบ่งตามบทาทของกฎหมาย
เน้นให้เห็นว่ากฎหมายถูกนำไปใช้อย่างไร ซึ่งมี 2 ประเภท คือ
เน้นให้เห็นว่ากฎหมายถูกนำไปใช้อย่างไร ซึ่งมี 2 ประเภท คือ
– กฎหมายสารบัญญัติ คือ เนื้อความ ภาคทฤษฎี ได้เเก่ประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์ ประมวลกฎหมายอาญา
– กฎหมายวิธีสบัญญัติ คือ วิธีดำเนินคดี ภาคปฎิบัติ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความเเพร่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประเภทที่แบ่งตามข้อความในบทบัญญัติของกฎหมาย หรือความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี มี 3 ประเภท คือ
– กฎหมายมหาชน คือ กฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนของรัฐ หรือคนต่อรัฐ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา รัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายล้มละลาย กฎหมายที่ดิน
– กฎหมายเอกชน คือ กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนที่อยู่ในฐานะเท่าเทียมกันหรือคนต่อคน เช่น ประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์
– กฎหมายระหว่างประเทศ คือ รัฐต่อรัฐ เช่น กฎหมายเเผนกคดีเมือง คดีบุคคล คดีอาญา
ประเภทที่แบ่งตามลักษณะการตรากฎหมาย
มี 3 ประเภท คือ
– กฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ มี 2 ประเภท ได้แก่ พระราชบัญญัติ
และประมวลกฎหมายอาญา
– กฎหมายของฝ่ายบริหาร มี 4 ประเภท ได้แก่ พระราชกำหนด
พระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา และกฎกระทรวง
– กฎหมายท้องถิ่น เป็นกฎหมายที่รัฐมอบอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2.รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
กำหนดการใช้อำนาจอธิปไตย
กำหนดสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของประชาชน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2560 เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่
20 เป็นฉบับปัจจุบัน วันประกาศ 6 เมษายน 2560 กฎหมายทั้งหมดจะขัดกับกฎหมายสูงสุดอย่างกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้
กฎหมายลำดับศักดิ์ต่ำกว่าจะขัดกับกฎหมายอันดับสูงกว่าไม่ได้
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ขยายรายละเอียดที่อยู่ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่น พรรคการเมือง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ๆลๆ
2. พระราชบัญญัติ (พรบ.) เป็นกฎหมายที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่
แต่ถ้านำพระราชบัญญัติเรื่องเดียวกันมารวมเป็นหมวดหมู่จะได้ ประมวลกฎหมาย
กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายบริหาร (รัฐบาล)
จะออกพระราชกำหนด
พระราชกฤษฎีกา และกฎกระทรวง
1.พระราชกำหนด (พรก.) เป็นกฎหมายที่ทำโดยเรียกประชุมสภาไม่ทัน และเป็นเรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉิน
หรืออาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษี เงินตรา แต่เมื่อสภากลับมาแล้วต้องให้สภาดู
ถ้าสภาเห็นชอบ (อนุมัติ)
ก็จะเป็นพระราชกำหนดอย่างถาวรต่อไป
(มีฐานะเทียบเท่า พรบ.) แต่ถ้าสภาไม่เห็นชอบ
ก็จะตกไป
พระราชกำหนดจึงถือว่าเป็นกฎหมายชั่วคราว
2.พระราชกฤษฎีกา (พรฏ.)
เป็นกฎหมายบริวารหรืออนุบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่ช่วยขยายความรายละเอียดในพระราชบัญญัติ (ซึ่งมีหน้าที่เหมือนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ขยายรายละเอียดเหมือนกัน) สามารถออกโดยไม่ต้องให้สภาเห็นชอบ
3.กฎกระทรวง เป็นกฎหมายบริวารเหมือนพระราชกฤษฎีกา
รัฐมนตรีประจำกระทรวงนั้นเป็นคนออกต้องไม่เป็นเรื่องสำคัญ (ถ้าสำคัญต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา)
กฎหมายที่ออกโดยองค์การปกครองท้องถิ่น
เช่น ข้อบัญญัติ กทม.
ออกโดยสภากรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติเมืองพัทยา
ออกโดยสภาเมืองพัทยา
ศักดิ์และอันดับขั้นของกฎหมาย
รัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ
ประมวลกฎหมาย พระราชกำหนด
พระราชกฤษฎีกา
กฎกระทรวง
ประกาศกระทรวง
ข้อบัญญัติขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่ครูให้มาเรียงจากใหญ่ไปหาเล็ก
กฎหมายลำดับศักดิ์ต่ำกว่าจะขัดกับกฎหมายอันดับสูงกว่าไม่ได้
การมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชน ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า
10,000 คนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติได้ โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
ผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ
จะต้องเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง
รูปแบบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ
จะต้องมีหลักการเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยหรือแนวนโยบายพื้นฐาน
วิธีการเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ
มี 2 วิธี ดังนี้
– การเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
– การเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น